บริษัท บางกอกสหประกันภัย จํากัด (มหาชน) หรือ “บริษัท” ตระหนักถึงความสําคัญของการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการ ดำเนินธุรกิจ และระบบการทํางานมีการจัดเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทําได้โดยง่าย สะดวก และรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันอาจนํามาซึ่งความเดือดร้อนและความเสียหายกรณีที่มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือนําข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ บริษัทจึงตระหนักเห็นถึงความสำคัญโดยจัดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อจัดให้มีมาตรการกํากับดูแลเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและบริหารความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัยและเหมาะสม รายละเอียดดังนี้
เว้นแต่ เพื่อการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันภัย หรือคําขอเข้าทําสัญญาประกันภัย การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือกรณีอื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทําได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และนโยบายฉบับนี้ ตามที่ได้แจ้งไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น
หากบริษัทจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น บริษัทจะดําเนินการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า แต่ไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทจัดเก็บของข้อมูลส่วนบุคคลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น
บริษัทจะแจ้งรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ โดยรายละเอียด ดังต่อไปนี้
หากบริษัทจะโอนหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ ประเทศดังกล่าวนั้น ต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกําหนด
ยกเว้นเป็นการโอนข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังต่อไปนี้
หากมีปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศปลายทาง ให้บริษัทเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เป็นผู้วินิจฉัย
สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีดังนี้
เกณฑ์การพิจารณาสิทธิ ดังนี้
กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้านตามข้อ 1 ) (1.1) บริษัทจะปฏิบัติโดยแยกส่วนออกจากข้อมูลอื่นอย่างชัดเจนในทันที เมื่อได้รับแจ้งการคัดค้าน และไม่สามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไปได้
กรณีที่บริษัทไม่มีสามารถดำเนินการตามที่ท่านร้องขอได้ เนื่องด้วยเหตุผลทางกฎหมายตามข้อ 1) (1.2) 2) และ3) บริษัทบันทึกปฏิเสธการคัดด้านด้วยเหตุผล
ยกเว้นกรณีลบ หรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลได้ ดังนี้
กรณีบริษัทมีการใช้บริการบุคคลภายนอก บริษัทจะปฏิบัติตามนโยบายการใช้บริการบุคคลภายนอก เพื่อสนับสนุนการดําเนินธุรกิจและการบริการลูกค้าของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
หลักการใช้บริการบุคคลภายนอกต่อการเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจัดให้มีการทำสัญญา และหรือข้อตกลงเพื่อให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และทบทวนสัญญาและหรือข้อตกลงเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทกับคู่สัญญา เพื่อการกำหนดขอบเขตการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเป็นหลักประกันภัยการคุ้มครองสิทธิและหน้าที่ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีการสร้างวัฒนธรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กร ดังนี้
บริษัทให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับสูงสุด และให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด กรณีพนักงานหรือคู่สัญญาของบริษัทกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อละเมิดต่อกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านต้องรับผิดทางอาญาเป็นการส่วนตัวและส่วนทางแพ่งด้วย ทั้งนี้ เมื่อบริษัทชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว หากความเสียหายเกิดจากพนักงานหรือคู่สัญญา บริษัทขอสงวนสิทธิในการไล่เบี้ยผู้ทำละเมิด
กรณีบริษัทมีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทจะมีการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบตามช่องทางการสื่อสาร เช่น website : www.bui.co.th หรือ Facebook รวมถึงผ่านช่องทางตัวแทน/นายหน้า เป็นต้น
คลิ๊ก ดาวน์โหลดเอกสารนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล